ผวายุโรปล็อกดาวน์ประเทศรอบสอง หุ้นดาวโจนส์ร่วงกว่า500จุด
วันที่ 22 ก.ย. 2563 เวลา 07:57 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุด หลังนักลงทุนกังวล ประเทศในยุโรปอาจใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบ2 เพื่อคุมโควิดระบาด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย.63 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบที่สองในยุโรปเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมทั้งรายงานที่ว่าธนาคารหลายแห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมโอนเงินที่ผิดกฎหมาย ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,147.70 จุด ร่วงลง 509.72 จุด หรือ -1.84% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,778.80 จุด ลดลง 14.48 จุด หรือ -0.13% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,281.06 จุด ลดลง 38.41 จุด หรือ -1.16%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในหลายประเทศของยุโรป ตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาจประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก 7 วัน
ความกังวลเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ได้ฉุดหุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่มโรงแรม และกลุ่มเรือสำราญ ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ทรุดลง 9.25% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 8.6% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 7.43% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 6.87% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 6.6% หุ้นนอร์วีเจียน ครุยส์ ไลน์ ร่วงลง 7.75%
ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ในสหรัฐ เนื่องจากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น นอกจากนี้ การเสียชีวิตของนางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ ก็อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการอนุมัติมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย
https://ift.tt/3iUlA6h
ธุรกิจ
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ผวายุโรปล็อกดาวน์ประเทศรอบสอง หุ้นดาวโจนส์ร่วงกว่า500จุด - โพสต์ทูเดย์"
Post a Comment